จุดท่องเที่ยว โปรแกรม 3
1. วัดพระแก้ว เชียงราย เป็นวัดเก่าแก่และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดเชียงราย เดิมเคยเป็นที่ประดิษฐานของพระแก้วมรกต ที่สถิตอยู่ในกรุงเทพฯ ปัจจุบันมีพระหยกจำลองประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถ ให้ประชาชนสักการะ ตัววัดมีสถาปัตยกรรมแบบล้านนาอันงดงาม บริเวณรอบวัดร่มรื่นด้วยต้นไม้และสวนสงบ เหมาะแก่การทำสมาธิและเยี่ยมชมเรียนรู้ด้านพุทธศิลป์
2. พิพิธภัณฑ์หอหลวงแสงแก้ว ตั้งอยู่ภายในวัดแสงแก้วโพธิญาณ เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมล้านนา นับเป็นพุทธศิลป์ของภาคเหนือ เช่นกัน ภายในจัดแสดงนานาพระพุทธรูปสำคัญ, วัตถุโบราณ, ภาพวาดธรรมะ, และนานาหัตถกรรมพื้นบ้าน เช่น ตุง (ธง) ต่างๆ หลากหลายสีสัน มีบรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมและเยี่ยมชมศึกษาสำหรับผู้สนใจประวัติศาสตร์
3. วัดมิ่งเมือง เป็นวัดที่สวยงามโดดเด่นด้วยศิลปะปูนปั้นแบบล้านนาผสมผสานสมัยใหม่ ภายในวิหารมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สื่อถึงพุทธประวัติและตำนานท้องถิ่น สีขาวสะอาดตา รายละเอียดของลวดลายบนตัวอุโบสถงดงามเป็นอย่างยิ่ง เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเชียงราย และมีลานวัดกว้างขวางให้ประชาชนมาทำบุญและพักผ่อนใจ
4. พิพิธภัณฑ์บ้านดำ เป็นผลงานของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ มีการจัดแสดงศิลปะและของสะสมในเรือนไม้สีดำหลายหลัง ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมล้านนาและความคิดสร้างสรรค์ ผสมผสานกับศิลปะร่วมสมัย ภายในพื้นที่กว้างใหญ่ จัดแสดงโครงกระดูกสัตว์, หนังสัตว์, เฟอร์นิเจอร์, และงานศิลป์ที่สะท้อนแนวคิดชีวิตและความตาย บรรยากาศภายในเต็มไปด้วยความขลังและลึกลับ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
5. วัดร่องเสือเต้น (วัดน้ำเงิน) เป็นวัดที่มีจุดเด่นอยู่ที่พระอุโบสถสีน้ำเงินเข้มผสมทองอร่ามจนสะดุดตา ทั้งภายในและภายนอกวัด ตกแต่งด้วยลวดลายวิจิตร สะท้อนถึงความงามแบบใหม่ในพุทธศิลป์ โดยผลงานของศิลปินลูกศิษย์ของ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปสีขาวขนาดใหญ่ พร้อมเพดานลวดลายอ่อนช้อย เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเชียงราย
6. พระตำหนักดอยตุง เป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างสวิตเซอร์แลนด์และล้านนา บริเวณพระตำหนักล้อมรอบด้วยสวนแม่ฟ้าหลวงอันงดงามที่มีดอกไม้เมืองหนาวนานาพรรณ ภายในพระตำหนักตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น นักท่องเที่ยวยังสามารถเรียนรู้เรื่องราวของโครงการพัฒนาพื้นที่สูงตามแนวพระราชดำริ
7. อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อุทยานแห่งนี้เป็นที่รู้จักระดับโลกจากภารกิจช่วยเหลือทีมฟุตบอลหมูป่าฯ ภายในมีถ้ำหลวงที่เปิดให้เยี่ยมชมบริเวณปากถ้ำ และบ่อน้ำใสของขุนน้ำนางนอน นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ และจุดชมวิวที่มองเห็นแนวเขาสลับซับซ้อนสวยงาม ส่วนบริเวณรอบอุทยานก็ร่มรื่น, สงบ, และมีการจัดแสดงเรื่องราวของเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ให้ผู้มาเยือนได้เรียนรู้
8. สถานศักดิ์สิทธิ์ดอยเวาและสะพานแขวนลอยฟ้า สถานศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงที่อำเภอแม่สาย โดยเป็นที่เคารพบูชาของทั้งชาวไทยและชาวเมียนมา ที่อยู่ติดพรมแดน บริเวณใกล้เคียงกันมีสะพานแขวนลอยฟ้า (Skywalk) กระจกที่ยื่นออกไปจากหน้าผา ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสความตื่นเต้นพร้อมชมวิว แม่น้ำสายและประเทศเพื่อนบ้านได้แบบเต็มตา 360º
9. สามเหลี่ยมทองคำ เป็นจุดบรรจบของแม่น้ำโขงและแม่น้ำรวก ซึ่งเป็นจุดที่พรมแดนของ 3 ประเทศ กล่าวคือไทย, ลาว, และเมียนมา มาบรรจบกัน โดยมีทิวทัศน์แม่น้ำกว้างไกล, มีจุดชมวิวสวยงาม, ประติมากรรมพระพุทธรูปองค์ใหญ่, และกิจกรรมล่องเรือในแม่น้ำโขงที่ให้นักท่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศประวัติศาสตร์และธรรมชาติไปพร้อมกัน
10. พิพิธภัณฑ์บ้านฝิ่น นิทรรศการเชิงให้ความรู้ที่น่าสนใจ จัดแสดงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการปลูกฝิ่นในแถบภูเขาสูงของสามเหลี่ยมทองคำ และนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับฝิ่น ตั้งแต่การใช้ทางการแพทย์ ไปจนถึงประวัติการค้าและผลกระทบที่มีต่อชุมชน โดยแสดงผ่านวัตถุโบราณ, รูปภาพ, และ Multi-media เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงสังคมจากโครงการพัฒนาทดแทนฝิ่น
11. สิงห์ปาร์ค สวนเกษตรเชิงท่องเที่ยวขนาดใหญ่ของเชียงราย ที่มีกิจกรรมหลากหลาย เช่น การนั่งรถชมไร่ชา, สวนสัตว์ขนาดย่อม, ทะเลสาบหงส์ (Swan Lake), ปั่นจักรยาน, ล่อง Balloon (เฉพาะเทศกาล), และลิ้มรสอาหารท้องถิ่น ท่ามกลางทิวทัศน์เนินเขา, ทุ่งดอกไม้, และไร่เกษตรอันเขียวขจี โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลฤดูหนาวที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเยือนเป็นจำนวนมาก
12. ดอยผาตั้ง เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นแม่น้ำโขง และประเทศลาวได้ชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว จะมีทะเลหมอกและดอกซากุระเมืองไทยบานสะพรั่ง เป็นยอดเขาแนวดิ่ง ที่มีทัศนียภาพสวยงามตลอดปี เหมาะแก่การตั้งแคมป์หรือชมดวงอาทิตย์ขึ้น หมู่บ้านชาวไทยเชื้อสายจีนยูนนาน ก็เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสวัฒนธรรมและอาหารจีนท้องถิ่นได้อีกด้วย
13. ภูชี้ฟ้า เป็นหนึ่งในจุดชมดวงอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย มีลักษณะเป็นหน้าผายื่นไปทางประเทศลาว สามารถมองเห็นทะเลหมอกหนาทึบ และขุนเขาสลับซับซ้อนในยามเช้าได้อย่างงดงาม บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อน ส่วนเส้นทางเดินเท้าก็ไม่ลำบาก เหมาะสำหรับนักเดินทางทุกวัย แล้วยังมีชุมชนชาวเขาให้สัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่น
14. วัดร่องขุ่น (วัดขาว) วัดนี้ เป็นผลงานอันวิจิตร ที่ออกแบบโดยศิลปินแห่งชาติ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ สะท้อนถึงแนวคิดพุทธศิลป์สมัยใหม่ โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสีขาวล้วน ประดับด้วยกระจกแวววาว และลวดลายละเอียดอ่อนที่สื่อถึงทางธรรม ภายในอาคารเต็มไปด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังที่มีความหมายลึกซึ้ง เป็นสถานที่ศิลปะผสานกับศรัทธาได้อย่างสอดคล้องและงดงาม
15. น้ำพุร้อนแม่ขะจาน น้ำพุร้อนธรรมชาติที่ตั้งอยู่ระหว่างเส้นทางเชียงราย-เชียงใหม่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ที่นักท่องเที่ยวสามารถแวะพักแช่เท้าหรือลองต้มไข่ในน้ำแร่ที่เดือดปุดๆ บรรยากาศร่มรื่นและผ่อนคลายท่ามกลางไอน้ำอุ่น และมีร้านค้าจำหน่ายสินค้าพื้นบ้านและของฝากท้องถิ่นอยู่รายรอบ

16. วัดพระธาตุดอยสุเทพ เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง มีเจดีย์ทองคำที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และวิวมุมสูงที่สามารถมองเห็นตัวเมืองเชียงใหม่ได้ชัดเจนโดยรอบ นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นบันไดนาค 306 ขั้น หรือใช้รถรางไฟฟ้าขึ้นไปยังวัดก็ได้ เป็นสถานที่ที่ทั้งสวยงามและเปี่ยมด้วยความศักดิ์สิทธิ์
17. วัดผาลาด วัดนี้ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางป่าเขา เป็นหนึ่งในวัดสายวิปัสสนาที่เงียบสงบที่สุดแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ด้วยความที่ตั้งอยู่ริมผาสูง นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นวิวเมืองเชียงใหม่จากมุมสูงได้อย่างชัดเจน จุดเด่นของวัดคือองค์พระเจดีย์โบราณ, ลานหินธรรมชาติ, และสะพานไม้ที่ทอดผ่านลำธารเล็กๆ ท่ามกลางแมกไม้สีเขียวขจี เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่แสวงหาความสงบทางใจ หรือผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเชิงศิลป์
18. สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เป็นสวนพฤกษศาสตร์ขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 6,500 ไร่ มีเส้นทางเดินป่าธรรมชาติที่หลากหลาย ทั้งแบบสั้นและระยะไกล จุดสำคัญคือ “เรือนกล้วยไม้” และ “เรือนแสดงป่าดิบชื้นเขตร้อน” ซึ่งจัดแสดงพันธุ์ไม้หายากและพืชท้องถิ่นจากทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมี “ทางเดินเหนือเรือนยอดไม้” (Canopy walkway) ที่ให้มุมมองระดับยอดไม้ ความยาวกว่า 400 เมตร นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์และภูเขาสูง
19. ห้วยตึงเฒ่า แหล่งพักผ่อนยอดนิยมของคนในท้องถิ่นที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่ มีบริการให้เช่าห่วงยาง, พายเรือ, และแพริมน้ำที่สามารถนั่งรับประทานอาหารได้อย่างสบายๆ จุดเด่นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวคือ “หุ่นฟางยักษ์” ซึ่งมีการเปลี่ยนธีมตามฤดูกาล เช่น คิงคองยักษ์, มังกร, หรือสัตว์ในวรรณคดีไทย นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวแนวเกษตร เช่น การปลูกข้าว, เลี้ยงสัตว์, และตลาดชุมชนที่ขายสินค้าเกษตรปลอดสารพิษ
20. แดนเทวดา (Land of Angels) สถานที่ท่องเที่ยวแนวใหม่ที่ผสมผสานความงามของธรรมชาติและศิลปะเชิงจิตวิญญาณ ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาและสายหมอก ที่นี่จัดแสดงประติมากรรมของเทพพม่า, เทพไทย, และเทพจีน ท่ามกลางสวนดอกไม้หลากสี พร้อมเสียงเพลงบรรเลงเบาๆ สร้างบรรยากาศเหมือนเดินอยู่ในดินแดนแห่งเทพเจ้า เหมาะสำหรับการถ่ายภาพแนวจินตนาการ, ชมดวงอาทิตย์ขึ้น, หรือมานั่งสมาธิท่ามกลางธรรมชาติที่สงบเงียบ
21. ฮิโนกิแลนด์ (Hinoki Land) หลักหมุดแห่งใหม่ที่ถอดแบบจากหมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณมาไว้กลางหุบเขาของเชียงใหม่ จุดเด่นคือประตูโทริอิสีแดงเรียงราย บ่อน้ำกลางลาน พร้อมอาคารไม้หอม “ฮิโนกิ” ที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวสามารถเช่าชุดกิโมโนและเดินถ่ายภาพในบรรยากาศญี่ปุ่นแท้ๆ พร้อมลิ้มลองชาเขียว, ขนมญี่ปุ่น, และเลือกซื้อของที่ระลึกสไตล์ญี่ปุ่นแท้ นับเป็นจุดหมายยอดนิยมของทั้งครอบครัว
22. น้ำตกม่อนหินไหล น้ำตกขนาดกลางที่มีน้ำไหลตลอดปี ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าเขาเขียวชอุ่ม นักท่องเที่ยวสามารถเดินเท้าเข้าถึงตัวน้ำตกได้ไม่ยาก ระหว่างทางเต็มไปด้วยเสียงนก, เสียงแมลง, และกลิ่นไอธรรมชาติ เหมาะแก่การพักผ่อน หรือเล่นน้ำคลายร้อน จุดเด่นของที่นี่คือลานหินกว้างที่น้ำไหลผ่าน สามารถนั่งแช่น้ำหรือเดินเล่นได้อย่างปลอดภัย เหมาะกับทั้งผู้ใหญ่และเด็ก
23. วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร หนึ่งในวัดสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่และเป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธสิหิงค์” องค์พระคู่บ้านคู่เมือง วัดนี้มีสถาปัตยกรรมล้านนาแท้ ทั้งพระอุโบสถ และเจดีย์ทองคำโบราณ ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่บอกเล่าเรื่องราวในพุทธศาสนาและวิถีชีวิตชาวล้านนา จุดเด่นคือ “วิหารลายคำ” ที่แกะสลักลวดลายไม้ได้อย่างวิจิตร เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวต้องไม่พลาดเมื่อมาเยือนเชียงใหม่